กวางป่า/Sambar Deer (Rusa unicolor)

สิ่งที่น่าสนใจ :

“รู้หรือไม่” กวางป่า มี 7 ชนิดย่อย คือ 1. Rusa unicolor brookei พบในเกาะบอร์เนียว ของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 2. Rusa unicolor cambojensis พบในราชอาณาจักรกัมพูชา, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, ตะวันตกของมาเลเซีย, ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 3. Rusa unicolor dejeani พบทางตอนใต้ และตะวันตกเฉียงใต้ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน 4. Rusa unicolor equina พบในเกาะสุมาตรา ของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย, ตะวันตกของมาเลเซีย, สาธารณรัฐสิงคโปร์, ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 5. Rusa unicolor hainana พบในเกาะไหหลำ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน 6. Rusa unicolor swimhoii พบในสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) 7. Rusa unicolor unicolor พบในสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา กวางป่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกสัตว์กีบคู่ ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ มีกวางที่เป็นญาติใกล้ชิดกับกวางป่าอีกสองชนิด คือ 1. กวางฟิลิปปินส์ Philippine Deer (Rusa marianna) และ 2. กวางจุดฟิลิปปินส์ Philippine Spotted Deer (Rusa alfredi) ทั้งสองชนิดมีขนาดเล็กกว่ากวางป่า ที่เกาะชวา และเกาะบาหลีในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีกวางอีกชนิดหนึ่งที่คล้ายกวางป่า คือกวางรูซา Javan Deer (Rusa timorensis) กวางป่าเรียกตามชื่อพื้นเมืองของสาธารณรัฐอินเดียเพราะมีขนาดไล่เลี่ยกับม้า กวางป่าเป็นกวางขนาดใหญ่ที่สุดที่มีในราชอาณาจักรไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กวางป่าเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องเช่นเดียวกับวัว ควาย แพะ แกะ กวางป่ามีขนหยาบ แข็ง มีสีเทา น้ำตาลแกมเหลืองอ่อน ขนยาว ประมาณ 2–4 เซนติเมตร ขนใต้คอของกวางตัวผู้ยาว ประมาณ 7–10 เซนติเมตร ขนบริเวณท้องและก้นขึ้นห่างกว่าบริเวณอื่น และสีขนอ่อนกว่าบนหลัง หางเป็นพวงค่อนข้างสั้น ขนบนหางสีดำ ขนใต้หางสีขาว มีแอ่งน้ำตาขนาดใหญ่ที่หัวตา กวางป่ามีเขาเฉพาะตัวผู้ เขาแต่ละข้างมี 3 กิ่ง ผิวของเขาจะขรุขระคล้ายผลมะระแต่ละเอียดกว่า กิ่งเขาอันแรกที่อยู่ด้านหน้าเรียกว่า “กิ่งรับหมา” ชี้ไปด้านหน้า รอยต่อระหว่างกิ่งรับหมากับกิ่งเขาที่ชี้ไปด้านหลังเป็นรูปตัวยู ปลายของกิ่งจะแตกออกเป็น 3 แขนง โดย ปลายด้านหน้ายาวกว่าปลายด้านหลัง จากลักษณะของเขาซึ่งมีกิ่งรับหมาทำมุมป้านกับหน้า ช่วยให้กวางป่าอาศัยอยู่ในป่ารกทึบได้ โดยขณะที่วิ่งจะเชิดจมูกไปข้างหน้า ทำให้ตัวลู่ไปด้านหลัง ตัวเขาจะช่วยถ่างต้นไม้และกิ่งไม้ให้แยกออกเป็นช่อง ช่วยให้วิ่งลอดไปได้สะดวก โดยจะผลัดเขาทุกปี เขาอาจยาว ประมาณ 70–128 เซนติเมตร กวางหนุ่มจะเริ่มมีเขาในปีแรกหรือปีที่ 2 เขาใน 2 ปีแรกจะมีขนาดเล็ก ประมาณ 3–4 ปี จึงจะมีเขาที่สมบูรณ์ “กวางเขาเทียน” หมายถึง กวางป่าที่ยังมีเขาไม่สมบูรณ์ เป็นแท่งตรง คล้ายลำเทียน ไม่มีกิ่ง กวางป่ามีฟัน 34 ซี่

ถิ่นอาศัย :

พบได้ในทวีปเอเชีย ในสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ, ราชอาณาจักรภูฏาน, บรูไนดารุสซาลาม, ราชอาณาจักรกัมพูชา, สาธารณรัฐประชาชนจีน (มณฑลยูนนาน, มณฑลเสฉวน, มณฑลเจียงซี, มณฑลหูหนาน, มณฑลกว่างซี, มณฑลกุ้ยโจว และมณฑลไห่หนาน), สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน), สาธารณรัฐอินเดีย, สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (เกาะสุมาตรา), สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, มาเลเซีย, สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล, สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา, ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม บริเวณป่าสน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบ ป่าที่มีทุ่งหญ้า ป่าสน ป่าเต็งรัง ป่าพรุ ที่ราบลุ่ม ที่ระดับความสูงไม่เกิน 3,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีพื้นที่อาศัย (Home ranges) ประมาณ 1,875–9,375 ไร่

อาหาร :

เป็นสัตว์กินพืช ประมาณ 130–180 ชนิด กินใบไม้ ผลไม้ หญ้า หัวพืช ยอดอ่อน ใบไม้ ต้นไม้อ่อน เปลือกไม้บางชนิด เถาวัลย์ ผลไม้ที่ร่วงหล่น และหน่ออ่อนของพืชชนิดต่าง ๆ รวมทั้งกินดินโป่งซึ่งมีแร่ธาตุ มักกินหญ้าระบัด หรือหญ้าอ่อนที่งอกขึ้นใหม่หลังจากที่ไฟไหม้แล้ว

พฤติกรรม :

ตัวผู้อาศัยอยู่ตามลำพังเกือบทั้งปี และตัวเมียอาศัยอยู่เป็นฝูงเล็กๆ 3–4 ตัว ออกหากินพร้อม ๆ กันเพื่อช่วยระวังภัยให้แก่กัน โดยปกติ จะรีบกินแล้วหลบไปยังที่ซ่อนตัว จากนั้นก็จะขย้อนอาหารออกมาเคี้ยวเพื่อบดให้ละเอียด หากินตอนกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ ตอนกลางวันจะพักผ่อนอยู่ในป่าทึบ ว่ายน้ำเก่ง และมักแช่ปลัก ตัวผู้ประกาศอาณาเขตด้วยกลิ่นที่ผลิตจากต่อมกลิ่น ในฤดูผสมพันธุ์กวางป่าตัวผู้จะมีกลิ่นฉุน เนื่องจากสารที่ขับออกมาจากต่อมกลิ่น มักเอาเขาขวิดต้นไม้ เพื่อแสดงความแข็งแกร่ง และลับปลายเขาให้แหลม ในฝูงเมื่ออยู่รวมกันจะมีการแบ่งแยกชนชั้น ตัวผู้จะต้องประลองกำลังโดยการต่อสู้ เพื่อครองความเป็นจ่าฝูง ส่วนมากจะอยู่ ประมาณเดือนพฤศจิกายน–มกราคม โดยจะก้มหัวลง และชี้ปลายเขาพุ่งไปหาคู่ต่อสู้ แล้วจึงขวิดการดันตอบโต้กัน ระหว่างการต่อสู้กวางแต่ละตัว และจะพองขนที่หน้าอกตั้งชัน ต่อมใต้ตาจะเปิดกว้าง มีการกัดฟัน และส่งในลำคอ

สถานภาพปัจจุบัน :

1. เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่อนุญาตให้เพาะพันธุ์ได้ 2. เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสถานภาพมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable: VU) จากการประเมินสถานภาพชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามของราชอาณาจักรไทย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2023) 3. เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสถานภาพมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable: VU) จากการประเมินสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) หรือ IUCN Red List (2015)

อนุกรมวิธาน

CLASS : Mammalia

ORDER : Artiodactyla

FAMILY : Cervidae

GENUS : Rusa

SPECIES : Rusa unicolor

อายุเฉลี่ย :

อายุขัย ประมาณ 12–20 ปี

วัยเจริญพันธุ์ :

ตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ ประมาณ 2 ปี ตัวผู้เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ ประมาณ 4 ปี จับคู่แบบตัวผู้ตัวเดียวกับตัวเมียหลายตัว ไม่มีฤดูผสมพันธุ์ที่แน่นอน ซึ่งกวางตัวผู้จะก้าวร้าวกับตัวผู้ตัวอื่น หวงถิ่น ตัวเมียจะจับกลุ่มกันเป็นฝูง ประมาณ 8 ตัว ตัวเมียเป็นสัด ประมาณ 18 วัน ตั้งท้อง ประมาณ 8–9 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ประมาณ เดือนกันยายน–เดือนมกราคม ลูกแรกเกิดมีน้ำหนัก ประมาณ 10 กิโลกรัม มีขนสีน้ำตาล และมีจุดขาวทั่วตัว ลูกที่เกิดใหม่ ๆ หลังจากดูดนมแม่แล้ว จะนอนนิ่งอยู่ในพงหญ้า หรือบริเวณที่มีกิ่งไม้ ใบไม้รกทึบ เพื่อพรางตัวจากสัตว์อื่น ๆ ไม่ให้สังเกตเห็น แม่กวางจะออกไปหากินไม่ไกลนัก และจะมาให้ลูกกินนมเป็นครั้งคราวตลอดในช่วงเวลา 1–2 สัปดาห์ ลูกจะอยู่กับแม่ ประมาณ 1–2 ปี

ขนาดและน้ำหนัก :

ความยาวลำตัว (จากปลายจมูกถึงโคนหาง) ประมาณ 160–210 เซนติเมตร หางยาว ประมาณ 22–35 เซนติเมตร ความสูงที่ระดับหัวไหล่ ประมาณ 110–160 เซนติเมตร ตัวเมียมีน้ำหนัก ประมาณ 130–230 กิโลกรัม ตัวผู้มีน้ำหนัก ประมาณ 185–270 กิโลกรัม

ข้อมูลอ้างอิง :

รายละเอียดเพิ่มเติม

สถานที่ชม :


แก้ไขข้อมูล ณ วันที่ 11 เมษายน 2560